วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Promotion Model Marketing MODEL

Promotion Model Marketing MODEL

การส่งเสริมการขาย (Promotion)
วัตถุประสงค์สำคัญในการจัดทำการส่งเสริมการขายนั้นก็เพื่อ เป็นการกระตุ้นยอดขายของกิจการ และ การแนะนำสินค้าสู่ลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจที่ดีของลูกค้า ในการบริโภคหรืออุปโภคสินค้า อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการแนะนำสินค้าโดยอาศัยช่องทางแบบปากต่อปากหรือเพื่อนสู่เพื่อนต่อไป
"การส่งเสริมการขายคือการสนับสนุนการสร้างราคาสินค้าเฉพาะเจาะจง/การสร้างมูลค่าตราสินค้า การสร้างกลุ่มลูกค้าถาวร และการสร้างภาพพจน์ของกิจการ"

ในทางปฏิบัติ การส่งเสริมการขาย หมายถึง การติดต่อสื่อสาร (Communication between Company and Customer) ระหว่างลูกค้าและกิจการ โดยอาศัยเครื่องมือในการสื่อสาร (Marketing Tools) ได้แก่:
1. การโฆษณา (Advertising)
ในการโฆษณาสินค้าและการบริการ กิจการจะต้องศึกษาและกำหนดตลาดเป้าหมายและกลุ่มลูกค้าเสียก่อนครับ และหลังจากนั้นกิจการจึงจะสามารถที่จะเริ่มดำเนินการและตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการในการโฆษณาสินค้าและการบริการโดยอาศัยหลักเกณฑ์ต่อไปนี้ครับ

·       วัตถุประสงค์ของการโฆษณาคืออะไร -What are the advertising objectives
·       งบประมาณที่จะจัดสรรให้โครงการมีเท่าไร - How must to spend
·       สิ่งที่จะสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายทราบคืออะไร - What message should be sent
·   สื่อชนิดใดที่สมควรจะนำมาใช้ - What media should be used
·       และกิจการจะทำการประเมินผลอย่างไร - How should the results be evaluated

ขั้นตอนแรกในการจัดทำกิจกรรมการโฆษณาคือ การกำหนดวัตถุประสงค์ในการจัดทำโครงการโฆษณา และวัตถุประสงค์เหล่านั้นจะต้องสอดคล้องกับตลาดเป้าหมาย (Target Market) ตำแหน่งสินค้าในตลาด (Market Positioning) และส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix) โดยตำแหน่งสินค้าในตลาดและส่วนประสมทางการตลาดจะเป็นปัจจัยที่ใช้ในการกำหนดการโฆษณาว่าจะควรเป็นในทิศทางใด

หลังจากการกำหนดวัตถุประสงค์ในการโฆษณา กิจการสามารถที่จะประเมินค่าใช้จ่ายของโครงการและจัดทำงบประมาณ การจัดทำโฆษณานั้นเป็นกระบวนการในการผลักดันความต้องการของลูกค้าในตัวสินค้าให้สูงขึ้น หรือกิจการยอมที่จะสูญเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณาเพื่อให้บรรลุยอดขายที่ได้กำหนดไว้
ในการจัดทำงบประมาณเพื่อการโฆษณา กิจการจะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆดังต่อไปนี้ :


·       ช่วงวงจรชีวิตของสินค้า - Stage in the product life cycle.
·       ส่วนแบ่งทางการตลาด - Market share.
·       การแข่งขัน - Competition.
·       ระยะเวลา/ความถี่ของโครงการในการโฆษณา - Advertising frequency.
·       ความสามารถของสินค้าทดแทน - Product substitute-ability.
·       ลักษณะของตลาด - Market characteristics.

กระบวนการต่อไปคือการเลือกรูปแบบของสื่อในการโฆษณาเพื่อการสื่อสารต่อลูกค้า กิจการจะเลือกสื่อชนิดใดนั้นมักจะขึ้นอยู่กับความต้องการที่จะไปถึงกลุ่มลูกค้า ความถี่ในการโฆษณา และผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม - การกำหนดระยะเวลาในการโฆษณา ฤดู และพื้นที่ก็เป็นปัจจัยในการเลือกใช้สื่อเช่นกัน
2. การตลาดทางตรง (Direct Marketing)
การตลาดทางตรง คือ ระบบหนึ่งของการตลาดที่ใช้สื่อในการโฆษณาอย่างใดอย่างหนึ่งหรือมากกว่าเพื่อการ

เข้าถึงกลุ่มลูกค้าซึ่งสามารถวัดผลได้และสามารถกระทำได้ในทุกสถานที่ ในอีกนัยหนึ่งการตลาดทางตรงเป็นความพยายามของการโฆษณาในการสร้างความสนใจของลูกค้าให้มีต่อสินค้าหรือการบริการ การส่งเสริมการขายก็ถือได้ว่าเป็นการตลาดทางตรงที่กิจการใช้ในการกระตุ้นยอดขายโดยการจูงใจลูกค้าครับ
3. การทำการขายด้วยการใช้พนักงาน (Personal Selling)
การทำการขายด้วยการใช้พนักงานเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเครื่องมือการพยากรณ์ความคุ้มค่าของค่าใช้จ่าย ผลที่จะได้รับจากกระบวนการในการทำการขาย การใช้จิตวิทยาเฉพาะบุคคลในการจูงใจลูกค้าเพื่อการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือการบริการ และคุณภาพในการทำการขายที่ประกอบไปด้วย 3 เรื่องหลักๆ คือ

·       การสร้างบรรยากาศระหว่างการขาย
      ·       การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการตัดสินใจของผู้บริโภคและอุปโภค
·       การสร้างแรงจูงใจและการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว

กลยุทธ์ดึง (Pull Strategy) เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นไปที่การทำการตลาด ทั้งการโฆษณาหรือส่งเสริมการขายกับผู้บริโภคหรือผู้ใช้ขั้นสุดท้าย (End Users) โดยตรง เช่น การลดราคาสินค้า เป็นต้น เพื่อให้ผู้บริโภค เกิดความต้องการซื้อ เป็นการสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาสนใจซื้อสินค้า
กลยุทธ์ผลัก (Push Strategy) เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นการทำการตลาดที่พ่อค้าคนกลาง ร้านค้า หรือพนักงานขาย ให้ขายสินค้าออกไปยังผู้บริโภค เป็นการสร้างแรงผลักให้ สินค้าออกไปสู่ตลาด ซึ่งต่างจากกลยุทธ์ดึงที่ทำการตลาดที่ผู้บริโภคขั้นสุดท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น